Pages

Tuesday, September 1, 2020

"ชวลิต" แนะรัฐบาลแก้ปัญหา 3 สารพิษยึด"สุขภาพอนามัย" แต่ต้องไม่ทิ้งปัญหาอื่น - โพสต์ทูเดย์

seserpeer.blogspot.com

"ชวลิต" แนะรัฐบาลแก้ปัญหา 3 สารพิษยึด"สุขภาพอนามัย" แต่ต้องไม่ทิ้งปัญหาอื่น

วันที่ 01 ก.ย. 2563 เวลา 09:48 น.

ประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตร แนะรัฐบาลแก้ปัญหา 3 สารพิษ ยึดหลัก"สุขภาพอนามัยประชาชน" ต้องมาก่อน แต่ไม่ทิ้งปัญหาอื่น ต้องเยียวยาทุกปัญหา

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นกรณีมีผู้ขอให้ทบทวนการแบนพาราควอต โดยมีความเห็นโดยสังเขป ดังนี้

1. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่แค่บุรุษไปรษณีย์ที่จะส่งปัญหาข้อร้องเรียนไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณา แต่ฝ่ายบริหารมีหน้าที่สำคัญในการกำหนดนโยบายระดับประเทศให้ส่วนราชการหรือองค์กรที่รับผิดชอบรับไปปฏิบัติ เพื่อดูแลทุกข์ สุข ประชาชนในภาพรวมของประเทศ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์กลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง กรณีนี้ หากมีหลายปัญหาเข้ามาพร้อม ๆ กัน "สุขภาพอนามัยประชาชน" จะต้องเป็นทางเลือกลำดับแรกก่อน ส่วนปัญหาอื่น รัฐบาลก็ทิ้งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าสารเคมีที่มีสต๊อกสินค้าค้างอยู่โดยสุจริต เกษตรกรที่เคยใช้ ต้องเยียวยา ต้องหาวิธีอื่นในการกำจัดวัชพืช ซึ่งรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาทุกปัญหา ทั้งนี้ กมธ. ฯ ได้เคยเสนอแนะไว้ในรายงาน ฯ ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ไปแล้ว จึงควรนำมาปรับใช้ตามสถานการณ์

2. ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์สำหรับผู้ที่ใช้ยาฆ่าหญ้าจำนวนมาก นั้น กว่า 90% เป็นเกษตรแปลงใหญ่ ที่สำคัญกว่านั้น เจ้าของเกษตรแปลงใหญ่ ไม่ได้ฉีดยาฆ่าหญ้าด้วยตนเอง แต่จ้าง "คนจน" รับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า แล้วคนจนเหล่านั้นก็ตายผ่อนส่ง หรือพิการ ต้องตัดแข้ง ตัดขา ดังภาพที่ กมธ.ลงไปเยี่ยมเกษตรกรจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานซึ่งฟ้องด้วยภาพ แม้แต่พระภิกษุที่มาต้อนรับก็เท้าเน่าจากการเหยียบย่ำหญ้าระหว่างเดินบิณฑบาต

3. มีงานวิจัยมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศวิจัยพิษภัยของพาราควอต จน 53 ประเทศทั่วโลกแบนพาราควอตไปนานแล้ว สำหรับในประเทศ เมื่อวานนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลโดยคณาจารย์ระดับนายแพทย์อาวุโสหลายท่านได้แถลงข่าวยืนยันงานวิจัยของ ศ.ดร.พรพิมล กองทิพย์ อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่สุ่มตัวอย่างพบพาราควอตในซีรั่มหญิงตั้งครรภ์, ในน้ำนมมารดา และในขี้เทาทารก ซึ่งส่งผบกระทบต่อพฤติกรรมประสาทของเด็กทารก รายละเอียดตามแถลงข่าวที่แนบ

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดย ศ.ดร.พวงรัตน์ ขจิตวิชยานุกูล ที่ตรวจพบพาราควอตปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใช้ผลิตน้ำประปา โดยได้เผยแพร่งานวิจัยนี้อย่างแพร่หลายเป็นข่าวอย่างกว้างขวาง ดังนั้น เมื่อมีงานวิจัยรองรับเช่นนี้ ผู้บริหารประเทศทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก็ควรให้ความสำคัญกับ "สุขภาพอนามัยประชาชน" ก่อน ส่วนปัญหาอื่น รัฐบาลก็ทอดทิ้งไม่ได้ เมื่ออาสาเข้ามาทำงานแก้ไขปัญหาประเทศ

ท้ายที่สุด การจะแก้ไขปัญหานึ้อย่างยั่งยืน ผมเห็นว่าควรน้อมนำพระราชดำริ "เกษตรทฤษฏีใหม่" ของพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศรที่ให้ความสำคัญกับเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะปลอดภัยทั้งเกษตรกรเอง และผู้บริโภค ทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของคนเองและบุคคลในครอบครัว เฉพาะอย่างยิ่ง นโยบายที่จะให้ประเทศไทยเป็นครัวอาหารปลอดภัยของโลก จะได้เป็นจริง มิใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ

Let's block ads! (Why?)



"สุขภาพ" - Google News
September 01, 2020 at 09:52AM
https://ift.tt/3gN8d5U

"ชวลิต" แนะรัฐบาลแก้ปัญหา 3 สารพิษยึด"สุขภาพอนามัย" แต่ต้องไม่ทิ้งปัญหาอื่น - โพสต์ทูเดย์
"สุขภาพ" - Google News
https://ift.tt/2TYvbic

No comments:

Post a Comment